Employee Engagement คืออะไร? ทำไมองค์กรต้องให้ความสำคัญ และ 8 กลยุทธ์เพิ่มความสุขและประสิทธิภาพของพนักงาน

Employee Engagement คืออะไร และทำไมจึงสำคัญ?

ในยุคที่องค์กรแข่งขันกันอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ การมีพนักงานที่มีประสิทธิภาพและทุ่มเทให้กับงานถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ หนึ่งในแนวคิดที่ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือ Employee Engagement หรือ "ความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร"

Employee Engagement หมายถึง ระดับความมุ่งมั่น ทุ่มเท และแรงจูงใจของพนักงานที่มีต่อองค์กรและงานที่ทำ พนักงานที่มี Engagement สูงจะรู้สึกเชื่อมโยงกับเป้าหมายขององค์กร มีความกระตือรือร้นในการทำงาน และพร้อมที่จะทำงานเกินความคาดหวัง เพื่อให้บริษัทเติบโตไปพร้อมกับพวกเขา

จากการศึกษาของ Gallup พบว่า องค์กรที่มี Employee Engagement สูง จะมีผลประกอบการดีกว่าองค์กรที่พนักงานไม่มี Engagement ถึง 23% นอกจากนี้ยังส่งผลให้พนักงานมีความสุข ลดอัตราการลาออก และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย

แต่ปัญหาที่หลายองค์กรพบคือ พนักงานส่วนใหญ่มักไม่มี Engagement กับองค์กร บางคนมาทำงานเพียงเพื่อรอรับเงินเดือน บางคนรู้สึกว่าเสียงของตนไม่มีความหมาย หรือขาดแรงจูงใจในการพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น นี่คือสัญญาณอันตรายที่องค์กรต้องรีบแก้ไข

8 กลยุทธ์เพิ่ม Employee Engagement เพื่อสร้างองค์กรที่พนักงานมีความสุขและทำงานเต็มที่

1. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม

วัฒนธรรมองค์กรที่ดีเป็นรากฐานของ Employee Engagement องค์กรต้องเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ และสร้างสภาพแวดล้อมที่พนักงานรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็น การจัดประชุมแบบเปิดโอกาสให้พนักงานแชร์ไอเดีย หรือการมีช่องทางสื่อสารที่พนักงานสามารถให้ Feedback ได้ เป็นสิ่งที่ช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขามีส่วนร่วมจริง ๆ

2. ให้พนักงานเห็นคุณค่าในงานของตนเอง

หลายครั้งพนักงานรู้สึกหมดไฟเพราะพวกเขาไม่เห็นว่างานที่ทำมีความหมายอย่างไรต่อองค์กร ผู้นำควรสื่อสารให้ชัดเจนว่างานของพนักงานแต่ละคนส่งผลต่อเป้าหมายใหญ่ขององค์กรอย่างไร การให้ Feedback ที่สร้างสรรค์ รวมถึงการยกย่องความสำเร็จของพนักงานอย่างเปิดเผยจะช่วยเพิ่ม Engagement ได้อย่างมาก

3. พัฒนาทักษะและสร้างโอกาสในการเติบโต

หากพนักงานเห็นว่าองค์กรให้ความสำคัญกับการพัฒนาของพวกเขา พวกเขาจะมีแรงจูงใจมากขึ้นในการทำงาน การส่งเสริมการเรียนรู้ เช่น การอบรม การให้คำปรึกษาจากผู้บริหาร หรือการเปิดโอกาสให้พนักงานรับผิดชอบโครงการใหม่ ๆ จะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขามีอนาคตที่ดีในองค์กร

4. ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance

พนักงานที่มีสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวจะมีประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่าองค์กรที่บีบบังคับให้พวกเขาทำงานหนักเกินไป องค์กรสามารถช่วยให้พนักงานมี Work-Life Balance ได้โดยการอนุญาตให้ทำงานแบบยืดหยุ่น มีวันลาหยุดที่เพียงพอ หรือแม้กระทั่งการส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสุขภาพภายในองค์กร

5. สร้างผู้นำที่พนักงานเชื่อถือและไว้วางใจ

การมีผู้บริหารและหัวหน้าที่พนักงานให้ความเคารพเป็นกุญแจสำคัญของ Employee Engagement ผู้นำที่ดีต้องสามารถสื่อสารเป้าหมายขององค์กรได้อย่างชัดเจน รับฟังความคิดเห็นของพนักงาน และเป็นตัวอย่างที่ดีในการทำงาน หากพนักงานรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้า พวกเขาจะมีความผูกพันกับองค์กรมากขึ้น

6. ให้รางวัลและการยอมรับที่เหมาะสม

ไม่มีใครอยากทำงานหนักโดยไม่ได้รับการยอมรับ การมีระบบให้รางวัลและการยอมรับความสำเร็จ เช่น การประกาศพนักงานดีเด่น โบนัส หรือแม้แต่คำชมต่อหน้าทีมงาน สามารถเพิ่ม Engagement ได้อย่างมาก องค์กรควรสร้างวัฒนธรรมที่พนักงานรู้สึกว่า "งานของพวกเขามีค่า"

7. ใช้เทคโนโลยีช่วยในการสื่อสารและวัดผล

องค์กรยุคใหม่สามารถใช้แพลตฟอร์ม HR Tech หรือ Employee Engagement Software เพื่อติดตามและวัดผลความพึงพอใจของพนักงาน รวมถึงใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร Feedback แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าพวกเขามีเสียงและองค์กรรับฟังพวกเขาอยู่เสมอ

8. สร้างชุมชนที่พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง

องค์กรที่พนักงานรู้สึกว่าเป็นเหมือน "ครอบครัว" จะช่วยให้พวกเขามี Engagement มากขึ้น การส่งเสริมการทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น กิจกรรมเพื่อสังคม กิจกรรมสันทนาการ หรือแม้แต่การสร้างพื้นที่ทำงานที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สามารถช่วยให้พนักงานรู้สึกผูกพันกับองค์กรได้ดีขึ้น

สรุป

Employee Engagement ไม่ใช่แค่เรื่องของการให้สวัสดิการที่ดี แต่เป็นเรื่องของ "ความรู้สึก" ที่พนักงานมีต่อองค์กร ถ้าพนักงานรู้สึกว่าพวกเขามีคุณค่า งานของพวกเขามีความหมาย และองค์กรใส่ใจพวกเขา พวกเขาก็จะตอบแทนด้วยการทำงานอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ทั้งองค์กรและพนักงานเติบโตไปพร้อมกัน

องค์กรที่สามารถสร้าง Employee Engagement ได้ดี จะไม่เพียงแต่มีพนักงานที่มีความสุข แต่ยังสามารถลดอัตราการลาออก เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งอีกด้วย

แหล่งอ้างอิง: