ขนาดตัวอักษร
A
A
A
ความตัดกันของสี
c
c
c
TH
  • TH
  • EN

จากที่เรียนน่าเบื่อ สู่การเป็นนักเรียนออนไลน์ขั้นเทพด้วย 5 วิธีนี้!

127

เคยไหมที่ต้องนั่งจ้องหน้าจอเรียนออนไลน์นานๆ จนรู้สึกเบื่อ หมดไฟ หรือหลุดโฟกัสไปกับการแจ้งเตือนจากโซเชียลมีเดีย? ปัญหานี้เป็นเรื่องปกติมากสำหรับนักศึกษาในยุคดิจิทัล แต่ไม่ต้องกังวลครับ เพราะการเรียนออนไลน์จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป ถ้าคุณลองใช้ 5 เทคนิคที่ไม่ได้เป็นแค่เคล็ดลับทั่วไป แต่ยังได้รับการสนับสนุนจากหลักการทางจิตวิทยาที่จะช่วยเปลี่ยนคุณจากนักเรียนธรรมดาให้กลายเป็น "นักเรียนออนไลน์ขั้นเทพ" ที่เรียนสนุกและได้ความรู้เต็มๆ

 

 

1. สร้าง "พื้นที่แห่งพลัง" ไม่ใช่แค่โต๊ะเรียนธรรมดา

การนั่งเรียนบนเตียงหรือโซฟาอาจจะดูสบาย แต่ก็ทำให้คุณง่วงและหลุดโฟกัสได้ง่าย ลองจัดมุมใดมุมหนึ่งของห้องให้เป็น "พื้นที่แห่งพลัง" สำหรับการเรียนโดยเฉพาะ จัดให้เป็นระเบียบ มีแสงสว่างเพียงพอ และที่สำคัญคือต้องไม่มีสิ่งของที่รบกวนสมาธิ เช่น สมาร์ตโฟนหรือหนังสือการ์ตูนที่วางอยู่ใกล้ๆ เมื่อสมองรู้ว่าพื้นที่นี้มีไว้สำหรับเรียนเท่านั้น การเรียนรู้ก็จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพราะตามหลัก จิตวิทยาสิ่งแวดล้อม สภาพแวดล้อมทางกายภาพมีอิทธิพลโดยตรงต่อพฤติกรรมและความคิดของเรา การมีพื้นที่เฉพาะสำหรับการเรียนจะช่วยสร้างการเชื่อมโยงทางจิตวิทยา ทำให้สมองเข้าสู่โหมดการเรียนรู้ได้ง่ายและรวดเร็วกว่าเดิม

2. ใช้เทคนิค "Pomodoro" จัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพ

บางครั้งการเรียนยาวๆ ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าได้ ลองใช้เทคนิค Pomodoro หรือ การแบ่งเวลาเรียน เป็นช่วงๆ ดูสิครับ โดยให้ตั้งเวลาเรียน 25 นาที แล้วพัก 5 นาที ทำสลับกันไป 4 ครั้ง แล้วค่อยพักยาว 15-30 นาที เทคนิคนี้ช่วยให้สมองได้พักและกลับมามีสมาธิกับบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญคือเป็นการฝึกวินัยให้ตัวเองด้วย ซึ่งสอดคล้องกับ ทฤษฎีภาระทางปัญญา ที่ระบุว่าสมองของเรามีขีดจำกัดในการประมวลผลข้อมูลในแต่ละช่วงเวลา การเรียนเป็นช่วงสั้นๆ และมีเวลาพักแทรก จะช่วยลดภาระทางปัญญาและป้องกันภาวะสมองล้า ทำให้ข้อมูลถูกประมวลผลและจัดเก็บในหน่วยความจำระยะยาวได้ดีขึ้น

3. "Gamify" การเรียนให้เป็นเรื่องสนุก

ทำไมการเรียนถึงจะสนุกเหมือนการเล่นเกมไม่ได้? ลองเปลี่ยนการเรียนให้เป็นการแข่งขันกับตัวเองดูสิครับ เช่น ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ในแต่ละสัปดาห์ เช่น “วันนี้ต้องเรียนครบ 3 บท” หรือ “ต้องจดโน้ตให้ได้ 20 หน้า” และเมื่อทำสำเร็จก็ให้รางวัลตัวเอง เช่น ดูหนังหนึ่งเรื่อง หรือกินของอร่อยๆ วิธีนี้จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้คุณอยากเรียนมากขึ้น เพราะตามหลัก การวางเงื่อนไขด้วยการกระทำ ที่ระบุว่าพฤติกรรมที่เราได้รับรางวัลจะถูกทำซ้ำ การให้รางวัลตัวเองเมื่อบรรลุเป้าหมายการเรียนจะช่วยเสริมพฤติกรรมเชิงบวก และเปลี่ยนแรงจูงใจภายนอกให้กลายเป็นแรงจูงใจภายในได้ในที่สุด

4. จดบันทึกแบบ Active ไม่ใช่แค่เขียนตามสไลด์

การจดโน้ตแบบทั่วไปอาจจะทำให้คุณหลับได้ ลองเปลี่ยนมาใช้การจดแบบ Active แทนครับ เช่น ลองสร้าง Mind Map หรือแผนผังความคิด, ใช้ปากกาไฮไลต์หลากสีเพื่อแยกแยะหัวข้อ, หรือแม้แต่ลองจดบันทึกด้วยการตั้งคำถามและตอบคำถามในสมุดด้วยตัวเอง วิธีนี้จะช่วยให้สมองของคุณประมวลผลและจดจำเนื้อหาได้ดีกว่าเดิม เพราะนี่คือกระบวนการ การทำซ้ำเชิงขยายความ ตามหลัก การเรียนรู้ทางปัญญา เมื่อเราจดบันทึกด้วยการสรุปหรือเชื่อมโยงเนื้อหาใหม่เข้ากับความรู้เดิม สมองจะสร้างการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่ง ทำให้เราจดจำและเรียกใช้ข้อมูลได้ง่ายขึ้นในภายหลัง

5. หา "Learning Buddy" ไม่ต้องเรียนคนเดียว

การเรียนออนไลน์ทำให้หลายคนรู้สึกโดดเดี่ยว ลองหา "Learning Buddy" หรือเพื่อนที่เรียนวิชาเดียวกันดูสิครับ นัดกันมาทำสรุป, แลกเปลี่ยนความคิดเห็น, หรือแม้แต่ตั้งคำถามในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจให้กันและกัน การมีเพื่อนร่วมทางจะช่วยให้คุณมีกำลังใจมากขึ้น และยังได้ทบทวนบทเรียนไปในตัวด้วย ซึ่งสอดคล้องกับ ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม ที่กล่าวว่าคนเราเรียนรู้ผ่านการสังเกตและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การมี Learning Buddy ทำให้เกิด การเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน ซึ่งเป็นการสอนและทบทวนความรู้ไปพร้อมกัน ทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจเนื้อหาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สรุป

การเรียนออนไลน์อาจจะดูเป็นเรื่องท้าทาย แต่หากคุณลองนำ 5 เทคนิคนี้ไปปรับใช้ คุณจะพบว่ามันไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเลยครับ เพราะวิธีการเหล่านี้ไม่ได้มาจากเคล็ดลับทั่วไป แต่เป็นวิธีการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพียงแค่นี้คุณก็จะสามารถเปลี่ยนการเรียนที่น่าเบื่อให้กลายเป็นการเดินทางสู่การเป็นนักเรียนออนไลน์ขั้นเทพได้อย่างแน่นอนครับ

 

แหล่งอ้างอิง:

  • Bandura, A. (1977). Social learning theory. Prentice-Hall.

  • Cirillo, F. (2006). The Pomodoro Technique. The Pomodoro.

  • Craik, F. I. M., & Lockhart, R. S. (1972). Levels of processing: A framework for memory research. Journal of Verbal Learning and Verbal Behavior, 11(6), 671–684.

  • Lewin, K. (1951). Field theory in social science: Selected theoretical papers. Harper & Row.

  • Skinner, B. F. (1953). Science and human behavior. Macmillan.

  • Sweller, J. (1994). Cognitive load theory, learning difficulty, and instructional design. Learning and Instruction, 4(4), 295–312.